วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

แฉแผนชั่ว!!! เผยตัวคนพาล...

แฉแผนชั่ว!!! เผยตัวคนพาล...
#แฉกันไปเยอะๆ


จากแถลงการณ์จุดยืนของวัดพระธรรมกาย...
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทางวัดจะขอยืนหยัดอยู่ในกระบวนการยุติธรรม เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อ มั่นใจว่ากระบวนการยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมกับหลวงพ่อได้

แต่ที่ผ่านมา คนพาลพยายามจะเสี้ยมให้สังคมเข้าใจผิดว่า วัดพระธรรมกายไม่ยอมทำตามกระบวนการยุติธรรม พยายามบ่ายเบี่ยงไม่เข้าไปรายงานตัวกับ DSI โดยไม่ฟังเหตผลที่แท้จริงเลย
วัตถุประสงค์เพื่อจะได้ใช้เหตผลนั้น ในการรวบรัดลัดขั้นตอน นำไปสู่การออกหมายจับได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

ถ้าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมจริงๆ ทาง DSI จะต้องส่งแพทย์มาตรวจดูอาการของหลวงพ่ออย่างละเอียด ตามที่คณะลูกศิษย์ได้เชื้อเชิญ ก่อนที่จะดำเนินการขั้นตอนออกหมายจับเสียด้วยซ้ำ 

แต่ถึงอย่างไร หมายจับก็ได้ออกไปแล้ว...
ทีนี้เรามาวิเคราะห์ร่วมกันดูดีกว่า ว่าขั้นตอนต่อไป เขาจะดำเนินการอย่างไร 

มาถึงจุดนี้...เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า คนพาลพยายามจะใช้ความอยุติธรรมเข้ามาจัดการกับหลวงพ่อและวัดพระธรรมกาย

ขั้นตอนต่อไป...พวกคนพาล จะช่วยกันประโคมข่าวเท็จเพื่อให้สังคมเข้าใจผิดว่า หลวงพ่อพยายามจะหนีออกนอกประเทศ วัตถุประสงค์เพื่อจะได้นำกำลังเข้ามาจับคุมหลวงพ่อได้โดยชอบธรรม

นี่แหล่ะ...เป็นแผนของพวกคนพาลทั้งหลาย 
ส่วนพวกคนพาลจะมีใครบ้าง คงไม่ต้องเอ่ยชื่อ เพราะชื่อของพวกเขา ได้ปรากฎอยู่ในสื่อเสี้ยม ที่เสื่อมจรรยาบรรณ เป็นประจำอยู่แล้ว

คนพาล...ถ้าเป็นพระ ก็เรียกว่า พระพาล
นิสัยคนพาล...ชอบทำแต่ความชั่ว มักสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอยู่เรื่อยๆ 
 
ลองดูกันเถอะ...
แม้จะมีหลักฐานว่า หลวงพ่อป่วยจริง
แม้จะมีหลักฐานว่า หลวงพ่อไม่มีพาสปอตและวีซ่า 
แม้จะมีหลักฐานว่า หลวงพ่อยังคงนอนพักฟื้นรักษาตัวอยู่ที่วัด

แต่คนพาลก็ยังพยายามจะใส้ร้ายไม่เลิก เพื่ออะไรล่ะ...?
เพื่อ...แลกกับค่าจ้างหรือ?
เพื่อ...ทำตามใบสั่งของใครหรือ?
เพื่อ...หวังในอำนาจเงินทองหรือ?
หรือเพื่ออะไร????

ขอย้ำเตือนว่า ยุคนี้ข้อมูลข่าวสารไปเร็วและมีหลายช่องทางมาก อย่าคิดว่าคุมสื่อได้แล้ว จะได้เปรียบเหมือนยุคก่อนๆ สื่อช่องไหนไม่ระวังให้ดี ระวังจะเสื่อมเร็วกว่าที่คิด 
ยิ่งเร่งปิดคดีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสื่อมเร็วเท่านั้น เพราะวิธีการลัดขั้นตอน ไม่ใช่วิถีของกระบวนการยุติธรรม แต่เป็นกระบวนการอยุติธรรม
อย่าได้เอาความอยุติธรรมมาเป็นกฎหมาย 
เพราะจะมีคนดีมากมายลุกขึ้นมาต่อต้าน

23/5/59
นักรบอิสระ
#เพจตะวันธรรม


วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ธรรมกาย...ไม่ใช่ลัทธิใหม่ ไม่ใช่นิกายใหม่

ธรรมกาย...ไม่ใช่ลัทธิใหม่  

 


พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) ท่านมีพระคุณอันยิ่งใหญ่ต่อเราและชาวโลกอย่างมากมายมหาศาล แต่เราคงเข้าใจได้เพียงย่อ ๆ สั้น ๆ จะไปอธิบายให้ลึกซึ้งในสิ่งที่ท่านเป็นนั้น มันยากต่อการที่เราจะเข้าใจ เหมือนจะเอาสายบัวไปวัดความลึกของท้องทะเลมหาสมุทร แล้วยกขึ้นมาว่า  ลึกเท่าสายบัวแค่นี้ หาควรไม่ แต่เมื่อเราพอที่จะเข้าใจอย่างนี้ มันก็จะต้องอธิบายเท่าที่เราพอจะเข้าใจ
เอาแค่ว่า ท่านค้นพบธรรมกายขึ้นมา ซึ่งจริง ๆ คำนี้มีอยู่ในพระไตรปิฎกในทุก ๆ นิกายด้วย ก็ยังถูกกล่าวหาว่า เป็นนิกายใหม่ แล้วผู้ที่กล่าวหาก็สร้างข่าว ใส่ไข่ จะด้วยวัตถุประสงค์อะไรก็แล้วแต่ ล้วนไม่เคยปฏิบัติเลย ถ้าปฏิบัติแล้วก็คงไม่พูดอย่างนี้  แสดงว่าแหล่งที่มาของความคิดนี้ไม่บริสุทธิ์ เพราะตอนเขียนข่าวก็ดี หรือคุยเรื่องข่าวก็ดีนั้นกำลังมึนเมา นอกจากเมาเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วยังเมาวัย เมาชีวิต เมาลาภ ยศ สรรเสริญด้วย
มีความเมาอยู่ในตัว จึงไม่รู้เรื่องว่า สิ่งที่เขาเอามาพูดนั้นเพื่อประโยชน์ของตนนั่นเอง ถ้าได้ยินได้ฟังแล้ว ผู้มีบุญจะเกิดมีความปีติภาคภูมิใจ ดีใจว่า เป็นบุญของเรา ที่เราได้มาเกิดในยุคนี้ ที่วิชชาธรรมกายหวนคืนกลับมาอีกครั้ง เป็นพยานตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทำให้เราดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง  และเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมได้อย่างดี อย่างน้อยก็รู้ว่าพระธรรมกาย คือ ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง คือ เนื้อหนังหรือตัวจริงของพระรัตนตรัยที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนในโลก รวมทั้งตัวเราด้วย และเราสามารถเข้าถึงได้ ถ้าเรายังเป็นปกติดี มีความเพียรแล้วก็ทำถูกหลักวิชชา
เพราะฉะนั้น เราควรจะมานึกว่า มันเป็นบุญลาภของเราที่มาเกิดในยุคนี้ แทนที่จะไป กุข่าว สร้างข่าว แล้วก็ปล่อยข่าวว่า ธรรมกาย คือ นิกายใหม่ ลัทธิใหม่ ที่ว่านิกายใหม่คือในเมืองไทยมีมหานิกาย และธรรมยุตินิกาย พอมีคำว่า กาย ๆ อยู่ข้างหลังธรรมะ ก็เลยเป็นนิกายใหม่
เพราะฉะนั้น ธรรมกาย ไม่ใช่นิกายใหม่ แล้วก็ไม่มีนิกายอันใด เพราะเกี่ยวกับเรื่องกายภายในของทุกคนในโลก ขึ้นชื่อว่า เป็นมนุษย์มีอยู่ที่ไหน ที่ตรงนั้นมีธรรมกาย  เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของทุก ๆ คน สิ่งอื่นไม่ใช่ แล้วจะรู้ได้อย่างไร  รู้ได้เมื่อเข้าถึง แล้วจะเข้าถึงได้อย่างไร เข้าถึงเมื่อปฏิบัติอย่างถูกหลักวิชชา แล้วท่านอยู่ตรงไหน อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ด้วยวิธีการทำใจหยุดใจนิ่ง แล้วทำอย่างไรถึงจะหยุดนิ่ง ก็เลิกอยาก ลาหยอก ทำใจหยุดนิ่งอย่างสบาย ๆ เดี๋ยวก็เข้าถึงได้
นี่คือ  Know how บอกให้ฟรี ๆ ที่จริงต้องจ่ายเงินนะ แต่นี่ให้ฟรี เพราะฉะนั้นไม่ใช่นิกายใหม่  ไม่ใช่ลัทธิใหม่ มันเกี่ยวกับเรื่องสิ่งที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนในโลก แล้วอย่าเพิ่งไปสรุปว่า พิสูจน์ไม่ได้  เมื่อเรายังไม่ได้พิสูจน์  ถ้าได้พิสูจน์ก็แปลว่า พิสูจน์ได้
เราต้องเป็นคนมีเหตุ มีผล ให้รู้จักเหตุ รู้จักผล จะต้องพิสูจน์ด้วยการทำหยุดทำนิ่งง่าย ๆ สบาย ๆ แค่หลับตาเบา ๆ แค่นั้นแหละ และหลังจากนั้นไม่ต้องทำอะไรไม่ต้องคิด ไม่ต้องพูด ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องขีดต้องเขียน นั่งเฉย ๆ เรื่อย ๆ เหมือนนั่งพักผ่อน อย่างมีความสุขเบิกบาน
เพราะฉะนั้น  ธรรมกาย ไม่ได้เป็นนิกายใหม่ ไม่ได้เป็นนิกายเก่า แล้วก็ไม่ได้เป็นนิกายอะไรทั้งสิ้น แต่เป็น พระธรรมกาย   ที่มีคำว่า พระ มาจากคำว่า วะระ แปลว่า ประเสริฐ  สูงส่ง เป็นที่พึ่งที่ระลึกแก่เราได้ ก็เลยเทิดทูนยกย่องว่า เป็นผู้ประเสริฐ  ชื่อว่า ธรรมกาย พระธรรมกายก็แค่นี้เอง เพราะฉะนั้น ให้ดีอกดีใจไว้ว่า เรามาอยู่ในยุคที่วิชชาธรรมกายหวนมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว เรามีบุญมาก
แต่ว่าเมื่อมีบุญมาก เพราะว่าเราหาบุญได้ ต้องใช้บุญให้เป็น ใช้บุญให้เป็นเป็นอย่างไร  เมื่อรู้ตัวของเราว่า มีบุญ เพราะได้สั่งสมบุญมา  ก็เอาบุญนี้แหละมาหยุดมานิ่ง หลับตาสบาย มองเข้าไปสู่ภายใน  ไม่ต้องคิด ไม่ต้องพูด ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น  จะเริ่มต้นจากอะไรก็ได้  จะเป็นดวงจันทร์ ดวงดาว  ไม้กางเขน หรือเฉย ๆ  นิ่ง ๆ เดี๋ยวก็เข้าไปถึงตรงนั้นได้
 อย่างสามเณรรูปหนึ่ง เริ่มต้นที่ไข่เค็ม เพราะไปบิณฑบาตได้ไข่เค็มเยอะ วันจันทร์ก็ไข่เค็ม วันอังคารบิณฑบาตโยมคนเดิม ไข่เค็มอีก อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ ถึงวันอาทิตย์ ไข่เค็มอีก ก็คุ้นกับไข่ พอหลับตาก็เห็นแต่ไข่เค็มเปลือกมันขาว มองไปมองมา วื้ด ตกหลุมอากาศ แล้วองค์พระก็ผุดผ่านขึ้นมา นี่เริ่มต้นจากไข่เค็ม 
เพราะฉะนั้น ไม่ใช่นิกายใหม่ แต่เป็นพระธรรมกายภายใน เป็นที่พึ่งที่ระลึกของทุกคน ไม่เชื่อก็ต้องพิสูจน์ เอหิปสฺสิโก มาลองดู มาพิสูจน์เถิด ถ้าเราเป็นคนมีเหตุผล ก็พึงหลับตา เลิกคิด เลิกพูด เลิกทำอะไรทั้งสิ้น ทำเฉย ๆ หรือหยุดกับนิ่งอย่างเดียวเท่านั้น เดี๋ยวสิ่งดี ๆ จะผุดผ่านมาในกลางกายให้เราดู

๒   ตุลาคม พ.. ๒๕๔๗
คุณครูไม่ใหญ่

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เขาตั้งธงมา...ว่าจะต้องทำลายธรรมกายให้ได้

เขา..คือใคร? ตอนที่ 2

จากตอนก่อน เราได้รับการยืนยันจากนายทหารท่านหนึ่งไปแล้วว่า เขา..ตั้งธงมา ว่าจะต้องทำลายให้ได้...

เท่าที่ดูจากคอมเม้นต์ของตอนแรก เชื่อว่าส่วนใหญ่คงจะรู้กันแล้วว่า
เขา..คือใคร!!!

มาตอนนี้ อยากจะตั้งข้อสังเกตเพิ่มอีกนิด
เพื่อจะได้เป็นข้อคิดให้กับผู้ที่เพิ่งมาใหม่ ให้ลองไปคิดดูเล่นๆ ว่ามันจะเป็นจริงตามที่ได้กล่าวไปหรือไม่

ต้องบอกก่อนว่า..นี้เป็นเพียงความคิดเห็นและเป็นข้อสังเกตส่วนตัวเท่านั้นนะ อ่านแล้วยังไม่ต้องเชื่อ แต่ให้ลองหาทางพิสูจน์ดู

ส่วนตัวเชื่อว่า...เขา...คนนั้น
คือคนเดียว หรือกลุ่มเดียวกัน กับคนที่สั่งเล่นงานหลวงพ่อและวัดพระธรรมกาย เมื่อพ.ศ.2542

จริงๆ พวกเขารู้ว่า หลวงพ่อธัมมชโยเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และเป็นพระผู้ทรงคุณธรรมคุณวิเศษรูปหนึ่งในเมืองไทย

ถามว่ารู้ได้อย่างไร...เพราะว่าพวกเขา เคยส่งมือดี จำนวน 20 คน มาอุ้มหลวงพ่อถึงกุฏิแล้วครั้งหนึ่ง แต่พอดีว่าหลวงพ่อตัวหนักมาก ชนิดที่ว่าชายฉกรรจ์ 20 คน ยกเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น ทั้งๆ ที่ท่านแค่นั่งนิ่งๆ ในท่าสมาธิ ไม่ได้ทำอะไรเลย เมื่อพยายามทุกวิถีทางแล้วเห็นว่าไม่สำเร็จ ทุกคนจึงก้มกราบ แล้วจากไป

จนถึงปัจจุบัน...ลองสังเกตดูสิ
ทำไมพวกเขาจึงได้พยายามทุกวิถีทาง
ทั้งออกหมายเรียก ทั้งกดดันผ่านสื่อต่างๆ
ล่าสุดออกหมายจับ แล้วบอกให้หลวงพ่อออกไปมอบตัว

วัตถุประสงค์...เพื่อที่จะดึงหลวงพ่อให้ออกไปจากวัด จะได้รวบรัด จับสึกได้อย่างง่ายดาย เหมือนกรณีของพระพิมลธรรมนั่นไง

นี่แหล่ะ คือกลอุบายของพวกเขาล่ะ

ถ้ารู้แล้วว่า เขา..คือใคร ก็ให้เก็บเอาไว้ในใจ
ปล่อยให้เวลาเป็นตัวเปิดเผยความจริงออกมาเอง จะดีที่สุดนะ
#เพจตะวันธรรม

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ความจริงที่ธรรมกายสอน...กับสิ่งที่พวกโจมตีเสี้ยม

ความจริงที่ธรรมกายสอน...กับสิ่งที่พวกโจมตีเสี้ยม
ธรรมกายสอนอะไร พวกโจมตีเสี้ยมอย่างไร?
#แชร์ไปให้เยอะๆ


ข้อมูลข่าวสารในยุคปัจจุบัน มันกระจายไปเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง
ถ้าต้นแหล่งของข้อมูลถูกต้อง  ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ได้รับข้อมูลนั้น แต่ถ้ามีคนพยายามบิดเบือนข้อมูล เพื่อมุ่งหวังทำลายใครคนใดคนหนึ่ง หรือทำลายองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ก็จะทำให้เกิดผลเสียอันใหญ่หลวงตามมาได้เช่นกัน 

ดังเช่นเรื่องของวัดพระธรรมกาย ที่มีการถูกใส่ร้าย  โจมตีมายาวนาน
ส่งผลให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลในทางลบจำนวนมาก เกิดความเคลือบแคลงสงสัย ว่าวัดนี้มันมีอะไรไม่ดี อย่างที่เขาว่ากันจริงหรือไม่

สำหรับคนที่มีใจเป็นกลางๆ มีสติปัญญาดี เมื่อได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ก็สามารถที่จะเข้าใจได้ไม่ยาก ส่วนคนที่มีอคติเสียแล้ว แม้จะอธิบายให้ดีอย่างไร ก็ค่อนข้างที่จะเปลี่ยนความเชื่อได้ยากมาก

ต่อไปนี้ ลองมาดูตัวอย่างกันว่า 
พวกโจมตี เขาเสี้ยมกันอย่างไร
พวกเขาบิดเบือนความจริงอะไรบ้าง
เพื่อหวังทำลายศรัทธาของชาวพุทธที่มีต่อวัดพระธรรมกาย

1. มีปัญหากับชาวนา
ความเสี้ยม เมื่อปีพ.ศ.2531 พวกโจมตีเสี้ยมว่า ธรรมกาย ไปแย่งที่ทำกินของชาวนา ทำให้ชาวนาเดือดร้อน 

ความจริง  วัดพระธรรมกายซื้อที่จำนวน 2,000 ไร่ อย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ย่อมมีสิทธิ์ในการใช้พื้นที่โดยชอบธรรม แต่ได้มีแกนนำผู้ไม่หวังดี ได้ไปปลุกระดมชาวนาว่า ธรรมกายจะมาไล่ที่ จึงทำให้ชาวนาหลายคนหลงเชื่อ และมีความไม่พอใจเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็มีการไกล่เกลี่ยพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ ลงเอยด้วยดี

2. ทำไมสร้างใหญ่
ความเสี้ยม พวกโจมตีเสี้ยมว่า สร้างวัดใหญ่ เพราะยึดติดในวัตถุ ไม่มีความสมถะมักน้อยสันโดษตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

ความจริง ธรรมกายสร้างวัดให้เพียงพอต่อการรองรับศรัทธาของสาธุชนที่เดินทางเข้ามาปฏิบัติธรรม เมื่อมีคนมาปฏิบัติธรรมกันมากขึ้นก็ต้องสร้างสถานที่ให้ใหญ่ขึ้น เพราะหลวงพ่อท่านไม่อยากให้คนที่มาปฏิบัติธรรม ต้องทนนั่งตากแดดตากฝนอยู่ข้างนอกศาลา มันก็เป็นเช่นนั้นเอง

3. พุทธพาณิชย์
ความเสี้ยม พวกโจมตีชอบพูดว่า ธรรมกายเป็นพุทธพาณิชย์ คือ การใช้ความเชื่อ ความศรัทธาในศาสนาพุทธ มาทำให้เกิดรายได้หรือข้าวของเงินทองให้กับตนเอง ซึ่งเป็นแนวทางที่ขัดกับหลักคำสอนของพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก
 
ความจริง ธรรมกายไม่ใช่พุทธพานิชย์ เพราะไม่ได้เอาเงินเอาทองของสาธุชนมาใช้ส่วนตัว เงินทองที่สาธุชนถวายมาทั้งหมด เอากลับไปใช้ในงานพระศาสนา 

ถ้าจะมองว่าวัดเป็นประเภทไหน ก็น่าจะเป็นประเภทกิจการเพื่อสังคม (social enterprise) น่าจะถูกต้องกว่าคำว่าพุทธพานิชย์ เพราะการบริหารกิจการเพื่อสังคม ผลของการประกอบการไม่ได้มองว่าเหลือเงินเก็บเท่าไหร่ หรือกำไรเท่าไหร่ แต่ผลการประกอบการดูที่คุณค่าที่ให้แก่สังคม มีผลกับสังคมมากเท่าไหร่ แต่คำว่าคุณค่าของสังคมนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก แบบขัดสนยากจนอย่างเดียว คือแล้วแต่วัตถุประสงค์ขององค์กร อย่างวัด ก็มีแนวทางในการฝึกคน ฝึกตั้งแต่จิตใจ คำพูด และการกระทำ ไม่ได้เลือกว่าจะเป็นคนจนคนรวย ให้บริการเหมือนกันหมด ส่วนใครจะรับไปได้มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับสติและปัญญาของแต่ละคน


4. โดนล้างสมอง
ความเสี้ยม พวกโจมตี หรือคนที่เชื่อสื่อไม่ดี มักจะพูดบ่อยๆ ว่า ไปวัดนี้ ระวังโดนล้างสมองนะ
 
ความจริง วัดพระธรรมกายไม่ได้ล้างสมองของใคร แต่วัดได้นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนให้ทุกคนได้ปฏิบัติจริงด้วยตัวเอง ทั้งการทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา เมื่อคนที่มาได้ศึกษาและปฏิบัติไปสักระยะหนึ่งแล้ว จะรู้สึกว่ากายวาจาใจใสสะอาดบริสุทธิ์มากขึ้น ส่งผลให้มีความคิดคำพูดและการกระทำไปในทางที่ดีขึ้นด้วย จนทำให้คนรอบข้างรู้สึกแปลกใจปนสงสัยเล็กน้อยถึงปานกลางอย่างมากมาย จึงสรุปเอาเองว่า เจ้านี่คงโดนวัดธรรมกายล้างสมองไปแล้วแน่ๆ โดยไม่ดูเลยว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น หรือแย่ลง  ถ้าดีขึ้นก็น่าจะอนุโมทนา และเข้ามาศึกษาดูด้วยกันไม่ดีกว่าหรือ


5. การเมือง 
ความเสี้ยม พวกโจมตีพยายามจะยัดเยียดให้ ธรรมกาย อยู่ฝั่งสีแดง
โดยการพูดกรอกหูชาวบ้านบ่อยๆ ว่าวัดนี้เป็นวัดนอมินีของทักษิณ

ความจริง วัดพระธรรมกาย ถือกำเนิดโดยคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งเป็นศิษย์เอกหนึ่งไม่มีสองของหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และวัดก็ไม่ได้ฝักไฝ่ในเรื่องการเมืองเลย มีแต่นักการเมืองนั่นแหล่ะ ที่พยายามเข้ามาขอความสนับสนุนจากหลวงพ่อให้ช่วยเชียร์ฝ่ายตน แต่ก็โดนหลวงพ่อปฏิเสธไปทุกราย จึงเกิดความไม่พอใจ หันมาใส่ร้ายหลวงพ่อและวัดต่างๆ นานา จนถึงปัจจุบัน ถ้าใครมาวัดเป็นประจำก็จะรู้ว่า ไม่ว่าสีไหน หรือพรรคไหน เมื่อมาถึงวัดก็ต้องใส่สีขาวด้วยกันทั้งนั้น ทุกคนก็ปฏิบัติธรรมร่วมกันได้ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร

6. เรื่องนิพพาน
ความเสี้ยม พวกโจมตีเสี้ยมว่า ธรรมกาย สอนว่านิพพาน เป็นอัตตา โดยไม่พูดถึงนิจจัง และสุขขังเลย

ความจริง หลวงพ่อสอนว่า ธรรมกาย เป็นนิจจัง สุขขัง อัตตา เท่าที่ได้ยินได้ฟังมา ส่วนใหญ่ท่านจะไม่ได้พูดตรงๆ ว่า นิพพาน เป็นอัตตา ท่านมีแต่สอนวิธีการเข้าถึงพระธรรมกาย ให้ลูกศิษย์ได้ปฏิบัติตาม แล้วท่านก็อธิบายถึงรายละเอียดของธรรมกาย ว่าเป็นกายที่ประกอบไปด้วยธรรมล้วนๆ เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง 
เป็นนิจจัง คือเที่ยงแท้แน่นอน ไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา 
เป็นสุขขั คือเข้าถึงแล้วจะเป็นสุขอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นความสุขแท้จริงที่มนุษย์ทุกคนแสวงหา 
เป็นอัตตา คือตัวตนที่แท้จริง เข้าถึงแล้วสามารถพึ่งได้ เป็นต้น

ส่วนว่านิพพาน จะเป็นอัตตา หรืออนัตตานั้น จะไม่ขอสรุปไว้ตรงนี้ เพราะในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้มีระบุไว้อย่างชัดเจน และมันก็เป็นเรื่องอจินไตย เป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน ไม่สามารถยกเอามาพิสูจน์ให้ใครรู้เห็นตามได้ และใครที่เถียงกันในเรื่องเหล่านี้ โดยไม่เคยลงมือปฏิบัติธรรมเลย ระวังจะมีส่วนแห่งความเป็นคนบ้านะ

7. ทำบุญมากๆ
ความเสี้ยม พวกโจมตีเสี้ยมว่า ธรรมกาย สอนให้ทำบุญทีละมากๆ
โดยใช้คำว่า
- ทำมาก ได้มาก
- บ้าบุญ
- หลงบุญ  เป็นต้น

ความจริง วัดพระธรรมกายสอนให้ทำบุญอย่างถูกวิธี โดยต้องมีความบริสุทธิ์สามประการ ทั้งเจตนาของผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับมีศีลบริสุทธิ์ และวัตถุทานต้องบริสุทธิ์ ก่อนทำขณะทำหลังจากทำไปแล้วก็ต้องปลื้ม ถ้าทำได้อย่างนี้ "แม้ทำน้อย ก็ได้บุญมาก ยิ่งทำมาก ยิ่งได้มากทับทวี" พวกเสี้ยมเลยตัดเอาเฉพาะคำหลัง เอาไปใช้เสี้ยม ทำให้คนที่ไม่เคยมาวัดเข้าใจผิดได้ และดูเหมือนจะใช้ได้ผลซะด้วย


8. เรื่องสวรรค์
ความเสี้ยม พวกโจมตีเสี้ยมว่า ธรรมกายเอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ทำบุญซื้อสวรรค์ชั้นโน้นชั้นนี้

ความจริง วัดพระธรรมกายสอนให้คนทำบุญบ่อยๆ ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ชีวิตจะได้ไม่ดำเนินไปด้วยความประมาท และเพื่อจะได้ชำระจิตใจให้ผ่องใส เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมองก็จะมีสุคติเป็นที่ไป ดังพุทธพจน์ที่ว่า จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา

9. ลัทธิใหม่
ความเสี้ยม พวกโจมตีมักจะยัดเยียดให้ธรรมกาย กลายเป็นลัทธิใหม่อยู่เรื่อยๆ คงจะเป็นเพราะวัดนี้ดูไม่เหมือนใคร ทั้งรูปแบบการก่อสร้าง ทั้งรูปแบบการเผยแผ่ และอะไรอีกหลายๆ อย่าง

ความจริง วัดพระธรรมกายเป็นวัดในพระพุทธศาสนา สังกัดมหานิกาย
ได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดโดยสมบูรณ์ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2522 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 96 ตอนที่ 15 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522

ส่วนรูปแบบการก่อสร้าง จะเน้นเรียบง่าย ดูแลรักษาไม่ยาก ออกแบบให้เหมาะแก่การใช้งานเพื่อการอบรมคนครั้งละมากๆ 

รูปแบบการเผยแผ่ เป็นการเผยแผ่เชิงรุก ทั้งปริยัติปฏิบัติปฏิเวธ โดยมีแก่นแท้ คือการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรมกาย ตรงกับพุทธวจนที่ว่า ธมฺมกาโย อหํ อิติปิ

10. เรื่องรับของโจร
ความเสี้ยม ล่าสุดพวกโจมตีพยายามยัดเยียดข้อหารับของโจรและฟอกเงินให้หลวงพ่อ


ความจริง หลวงพ่อรับเงินที่เขาเอามาบริจาคตามปกติ ไม่ได้มีอะไรต่างไปจากพระรูปอื่นๆ และเงินที่เขาเอามาถวาย เขาก็ไม่ได้บอกด้วยว่าไปยักยอกเงินของใครมา เมื่อเขาเอามาถวาย ทางวัดก็ได้นำไปใช้เป็นค่าก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับงานพระพุทธศาสนาทั้งหมด โดยมีหลักฐานการจ่ายครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์ อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นการรับของโจร หรือร่วมกันฟอกเงินไม่ได้ 

ทั้งหมดนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่พวกโจมตีใช้เสี้ยม เพื่อเจตนาทำให้คนเข้าใจวัดพระธรรมกายผิดไป แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในโลกนี้ ยังมีคนที่มีปัญญาหลงเหลืออยู่มาก 

ความจริงย่อมทนต่อการพิสูจน์ ขอให้ทุกคนได้เข้ามาพิสูจน์ดูด้วยตัวเองเถิด แล้วจะรู้ว่า ความจริง ต่างจากความเสี้ยมที่เราเคยได้ยินได้ฟังมาอย่างไร

ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีแต่ความสุขเถิด

ติดตามธรรมะดีได้ที่เพจตะวันธรรม
https://www.facebook.com/lookpradham/





 

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ธรรมกาย!!! ศรัทธา หรือ งมงาย...

ธรรมกาย...ศรัทธา หรือ งมงาย...
 



มีกระแสวิพากษ์วิจารย์กันอย่างตลอดต่อเนื่อง
เกี่ยวกับวัดดังวัดใหญ่วัดพระธรรมกาย
มันเกิดอะไรขึ้น?
ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น?
ศรัทธา หรือ งมงาย หรืออย่างไร?


เมื่อคิดในมุมมองของคนที่ไม่เข้าใจ 
หรือถึงขั้นต่อต้านการทำงานของวัดพระธรรมกาย 
เค้าก็คงคิดว่าคนที่เข้าวัดนี้ทำไมช่างโง่งมงายได้ขนาดนั้น 
ปล่อยให้เขาหลอกอยู่ได้ ถึงกับขายบ้านขายรถซื้อบุญขึ้นสวรรค์กันเลยเหรอ ทำบุญมากเกินไปมั๊ย ฯลฯ

ถ้าลองคิดในมุมมองของคนกลางๆ ที่ไม่ได้เข้าวัด 
แต่ไม่ถึงกับต่อต้าน เค้าก็คงคิดว่า 
วัดนี้มีอะไรดี? 
ทำไมจึงมีคนศรัทธามากขึ้นเรื่อยๆ 
ทั้งๆ ที่กระแสข่าวไม่ดีออกมาตลอด 
แต่ฟังแล้วก็เฉยๆ อาจจะมีเผลอหลุดปากด่าว่าวัดไปบ้าง 
พอได้ติดเป็นวจีกรรมไป

ลองมาดูความคิดของผู้ที่ศรัทธาอย่างเหนียวแน่นดูบ้าง 
ทำไมคนที่มาเข้าวัดหลายๆ คน 
ถึงได้มาอย่างตลอดต่อเนื่องสม่ำเสมอ
เป็นเพราะอะไร?


ตอบง่ายๆ ก็เป็นเพราะว่าเขาได้ปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อพระเทพญาณมหามุนี(เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย) แล้วเห็นผลจริงด้วยตัวเอง


บางคนนั่งสมาธิแล้วได้เข้าถึงองค์พระธรรมกายภายใน 
พบความสุขที่แท้จริง ซึ่งจะแตกต่างกับความสุขจากกามคุณอย่างสิ้นเชิง เกิดความรู้แจ้งเห็นจริง จนสามารถเป็นพยานการเข้าถึงธรรมได้
บางคนเข้าถึงดวงธรรมภายใน
บางคนนั่งแล้วพบแสงสว่างภายใน
บางคนตัวยืดตัวขยายตัวหดตัวหาย
บางคนตัวโล่งโปร่งเบาสบาย
บางคนมาวัดแล้วสามารถรักษาศีลได้บริสุทธิ์ 

ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
บางคนมาวัดแล้ว ธุรกิจการงานเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ จึงมีเงินมาทำบุญมากขึ้น
บางคน ลูกชายมาบวชแล้ว เปลี่ยนจากเด็กเกเรกลายเป็นเด็กดีขึ้น
บางคน ลูกสาวมาปฏิบัติธรรม เข้าค่ายอบรมต่างๆ แล้วชีวิตเปลี่ยนไป อารมณ์เย็นลง หงุดหงิดน้อยลง มีสติในการเรียนมากขึ้น รักษาศีลห้าได้ครบทุกข้อ
บางคน เจอปาฏิหารย์ รอดตาย หายป่วย รวยเรื้อรัง ด้วยบารมีหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย
บางคน เจอประสบการณ์นอกเหนือจากนี้ก็มีอีกเยอะ ฯลฯ


ต่างคนต่างประสบการณ์ เมื่อคนหลายๆ บาง มารวมกันก็ทำให้มากขึ้นได้ เหมือนเอากระดาษแผ่นบางๆ มาซ้อนกันมันก็หนาขึ้นเรื่อยๆ หรือเอาคนบางๆ มาอยู่ร่วมกันหลายคน ก็กลายเป็นคลื่นมหาชนที่ยิ่งใหญ่ได้

เมื่อครั้งที่วัดถูกโจมตีจากผู้ไม่หวังดีนานเป็นปี 
แทนที่วัดจะถูกปิด กลับยิ่งทำให้เกิดศรัทธาใหม่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะอะไร? 

ก็เป็นเพราะศรัทธาที่มีอย่างเหนียวแน่น 
และทุกคนมีใจเป็นหนึ่งเดียวกัน 
ว่าอย่างไรว่าตามกัน 
สามัคคี คือหัวใจของการเอาชนะอุปสรรคทั้งปวง 
มีบ้างสำหรับผู้ที่รู้สึกหวั่นไหวและจากไป 
ก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนพายุใหญ่พัดมากระทบต้นมะม่วง 
แต่ลำต้นก็ต้านแรงลมไหว ส่วนใบหรือกิ่งไหนที่ไม่แข็งแรงก็ร่วงหล่นไปตามแรงลม ส่วนที่แข็งแรงก็ยังอยู่เหมือนเดิม

เป้าหมายชีวิตและมโนปณิธานที่หลวงพ่อท่านสอน 
และได้ปฏิบัติกันมาอย่างตลอดต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน 
คือ เราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี 
เพื่อที่จะปราบมารประหารกิเลส ให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ รื้อสัตว์ขนสัตว์ไปจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม 

สรุปง่ายๆ ก็คือ เราจะสร้างบารมีรื้อสัตว์ขนสัตว์กันจนกว่าทุกชีวิตจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดนั่นแหล่ะ

เมื่อเป้าหมายใหญ่ระดับโลก 
การสร้างวัดใหญ่ระดับโลก 
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร 
ไม่ยากเกินกว่าที่จะทำความเข้าใจ ตรรกะง่ายๆ แค่นี้เอง

ศรัทธา ต้องประกอบด้วยปัญญา 
จึงจะสามารถเอาชนะกิเลสในใจตน 
หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้

สุดท้ายนี้ ก็ขอให้ผู้ที่มาถึงวัดแล้ว 
ได้ตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเองให้ยิ่งๆ ขึ้นไป 
กลั่นกาย วาจา ใจของตนให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ไปเรื่อยๆ 
จนกว่าจะเข้าถึงที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง คือพระธรรมกาย

ส่วนผู้ที่ยังมาไม่ถึง ให้ลองมาศึกษาดู 

ใช้ปัญญาของตัวเองมาพิสูจน์ให้เห็นจริงรู้จริงด้วยตาของตัวเอง 
อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เขาเล่าต่อๆ กันมา 
เพราะนั่นไม่ใช่วิสัยของผู้ที่มีปัญญา 
ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเกี่ยวกับกาลามสูตรไว้ชัดเจนดีแล้ว

สำหรับคนที่เคยกล่าวจาบจ้วงวัดเอาไว้ 
เมื่อถึงเวลาความจริงทุกอย่างปรากฏ 
และวิบากกรรมนั้นตามมาส่งผล 
ทำให้ชีวิตต้องพบกับความทุกข์ต่างๆ นานา 
ทำมาหากินไม่ขึ้น ก็ต้องแก้ด้วยการมากราบขอขมาลาโทษกันนะ 

หลวงพ่อท่านไม่เคยถือโทษหรือกล่าวโทษใคร ท่านมีแต่ความรักและความเมตตาปรารถนาดี ที่อยากจะให้พวกเราทุกคนได้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งปวงอย่างสิ้นเชิง

ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีความสุขเทอญ