วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ความจริงที่ธรรมกายสอน...กับสิ่งที่พวกโจมตีเสี้ยม

ความจริงที่ธรรมกายสอน...กับสิ่งที่พวกโจมตีเสี้ยม
ธรรมกายสอนอะไร พวกโจมตีเสี้ยมอย่างไร?
#แชร์ไปให้เยอะๆ


ข้อมูลข่าวสารในยุคปัจจุบัน มันกระจายไปเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง
ถ้าต้นแหล่งของข้อมูลถูกต้อง  ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ได้รับข้อมูลนั้น แต่ถ้ามีคนพยายามบิดเบือนข้อมูล เพื่อมุ่งหวังทำลายใครคนใดคนหนึ่ง หรือทำลายองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ก็จะทำให้เกิดผลเสียอันใหญ่หลวงตามมาได้เช่นกัน 

ดังเช่นเรื่องของวัดพระธรรมกาย ที่มีการถูกใส่ร้าย  โจมตีมายาวนาน
ส่งผลให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลในทางลบจำนวนมาก เกิดความเคลือบแคลงสงสัย ว่าวัดนี้มันมีอะไรไม่ดี อย่างที่เขาว่ากันจริงหรือไม่

สำหรับคนที่มีใจเป็นกลางๆ มีสติปัญญาดี เมื่อได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ก็สามารถที่จะเข้าใจได้ไม่ยาก ส่วนคนที่มีอคติเสียแล้ว แม้จะอธิบายให้ดีอย่างไร ก็ค่อนข้างที่จะเปลี่ยนความเชื่อได้ยากมาก

ต่อไปนี้ ลองมาดูตัวอย่างกันว่า 
พวกโจมตี เขาเสี้ยมกันอย่างไร
พวกเขาบิดเบือนความจริงอะไรบ้าง
เพื่อหวังทำลายศรัทธาของชาวพุทธที่มีต่อวัดพระธรรมกาย

1. มีปัญหากับชาวนา
ความเสี้ยม เมื่อปีพ.ศ.2531 พวกโจมตีเสี้ยมว่า ธรรมกาย ไปแย่งที่ทำกินของชาวนา ทำให้ชาวนาเดือดร้อน 

ความจริง  วัดพระธรรมกายซื้อที่จำนวน 2,000 ไร่ อย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ย่อมมีสิทธิ์ในการใช้พื้นที่โดยชอบธรรม แต่ได้มีแกนนำผู้ไม่หวังดี ได้ไปปลุกระดมชาวนาว่า ธรรมกายจะมาไล่ที่ จึงทำให้ชาวนาหลายคนหลงเชื่อ และมีความไม่พอใจเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็มีการไกล่เกลี่ยพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ ลงเอยด้วยดี

2. ทำไมสร้างใหญ่
ความเสี้ยม พวกโจมตีเสี้ยมว่า สร้างวัดใหญ่ เพราะยึดติดในวัตถุ ไม่มีความสมถะมักน้อยสันโดษตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

ความจริง ธรรมกายสร้างวัดให้เพียงพอต่อการรองรับศรัทธาของสาธุชนที่เดินทางเข้ามาปฏิบัติธรรม เมื่อมีคนมาปฏิบัติธรรมกันมากขึ้นก็ต้องสร้างสถานที่ให้ใหญ่ขึ้น เพราะหลวงพ่อท่านไม่อยากให้คนที่มาปฏิบัติธรรม ต้องทนนั่งตากแดดตากฝนอยู่ข้างนอกศาลา มันก็เป็นเช่นนั้นเอง

3. พุทธพาณิชย์
ความเสี้ยม พวกโจมตีชอบพูดว่า ธรรมกายเป็นพุทธพาณิชย์ คือ การใช้ความเชื่อ ความศรัทธาในศาสนาพุทธ มาทำให้เกิดรายได้หรือข้าวของเงินทองให้กับตนเอง ซึ่งเป็นแนวทางที่ขัดกับหลักคำสอนของพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก
 
ความจริง ธรรมกายไม่ใช่พุทธพานิชย์ เพราะไม่ได้เอาเงินเอาทองของสาธุชนมาใช้ส่วนตัว เงินทองที่สาธุชนถวายมาทั้งหมด เอากลับไปใช้ในงานพระศาสนา 

ถ้าจะมองว่าวัดเป็นประเภทไหน ก็น่าจะเป็นประเภทกิจการเพื่อสังคม (social enterprise) น่าจะถูกต้องกว่าคำว่าพุทธพานิชย์ เพราะการบริหารกิจการเพื่อสังคม ผลของการประกอบการไม่ได้มองว่าเหลือเงินเก็บเท่าไหร่ หรือกำไรเท่าไหร่ แต่ผลการประกอบการดูที่คุณค่าที่ให้แก่สังคม มีผลกับสังคมมากเท่าไหร่ แต่คำว่าคุณค่าของสังคมนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก แบบขัดสนยากจนอย่างเดียว คือแล้วแต่วัตถุประสงค์ขององค์กร อย่างวัด ก็มีแนวทางในการฝึกคน ฝึกตั้งแต่จิตใจ คำพูด และการกระทำ ไม่ได้เลือกว่าจะเป็นคนจนคนรวย ให้บริการเหมือนกันหมด ส่วนใครจะรับไปได้มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับสติและปัญญาของแต่ละคน


4. โดนล้างสมอง
ความเสี้ยม พวกโจมตี หรือคนที่เชื่อสื่อไม่ดี มักจะพูดบ่อยๆ ว่า ไปวัดนี้ ระวังโดนล้างสมองนะ
 
ความจริง วัดพระธรรมกายไม่ได้ล้างสมองของใคร แต่วัดได้นำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนให้ทุกคนได้ปฏิบัติจริงด้วยตัวเอง ทั้งการทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา เมื่อคนที่มาได้ศึกษาและปฏิบัติไปสักระยะหนึ่งแล้ว จะรู้สึกว่ากายวาจาใจใสสะอาดบริสุทธิ์มากขึ้น ส่งผลให้มีความคิดคำพูดและการกระทำไปในทางที่ดีขึ้นด้วย จนทำให้คนรอบข้างรู้สึกแปลกใจปนสงสัยเล็กน้อยถึงปานกลางอย่างมากมาย จึงสรุปเอาเองว่า เจ้านี่คงโดนวัดธรรมกายล้างสมองไปแล้วแน่ๆ โดยไม่ดูเลยว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น หรือแย่ลง  ถ้าดีขึ้นก็น่าจะอนุโมทนา และเข้ามาศึกษาดูด้วยกันไม่ดีกว่าหรือ


5. การเมือง 
ความเสี้ยม พวกโจมตีพยายามจะยัดเยียดให้ ธรรมกาย อยู่ฝั่งสีแดง
โดยการพูดกรอกหูชาวบ้านบ่อยๆ ว่าวัดนี้เป็นวัดนอมินีของทักษิณ

ความจริง วัดพระธรรมกาย ถือกำเนิดโดยคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งเป็นศิษย์เอกหนึ่งไม่มีสองของหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และวัดก็ไม่ได้ฝักไฝ่ในเรื่องการเมืองเลย มีแต่นักการเมืองนั่นแหล่ะ ที่พยายามเข้ามาขอความสนับสนุนจากหลวงพ่อให้ช่วยเชียร์ฝ่ายตน แต่ก็โดนหลวงพ่อปฏิเสธไปทุกราย จึงเกิดความไม่พอใจ หันมาใส่ร้ายหลวงพ่อและวัดต่างๆ นานา จนถึงปัจจุบัน ถ้าใครมาวัดเป็นประจำก็จะรู้ว่า ไม่ว่าสีไหน หรือพรรคไหน เมื่อมาถึงวัดก็ต้องใส่สีขาวด้วยกันทั้งนั้น ทุกคนก็ปฏิบัติธรรมร่วมกันได้ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร

6. เรื่องนิพพาน
ความเสี้ยม พวกโจมตีเสี้ยมว่า ธรรมกาย สอนว่านิพพาน เป็นอัตตา โดยไม่พูดถึงนิจจัง และสุขขังเลย

ความจริง หลวงพ่อสอนว่า ธรรมกาย เป็นนิจจัง สุขขัง อัตตา เท่าที่ได้ยินได้ฟังมา ส่วนใหญ่ท่านจะไม่ได้พูดตรงๆ ว่า นิพพาน เป็นอัตตา ท่านมีแต่สอนวิธีการเข้าถึงพระธรรมกาย ให้ลูกศิษย์ได้ปฏิบัติตาม แล้วท่านก็อธิบายถึงรายละเอียดของธรรมกาย ว่าเป็นกายที่ประกอบไปด้วยธรรมล้วนๆ เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง 
เป็นนิจจัง คือเที่ยงแท้แน่นอน ไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา 
เป็นสุขขั คือเข้าถึงแล้วจะเป็นสุขอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นความสุขแท้จริงที่มนุษย์ทุกคนแสวงหา 
เป็นอัตตา คือตัวตนที่แท้จริง เข้าถึงแล้วสามารถพึ่งได้ เป็นต้น

ส่วนว่านิพพาน จะเป็นอัตตา หรืออนัตตานั้น จะไม่ขอสรุปไว้ตรงนี้ เพราะในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้มีระบุไว้อย่างชัดเจน และมันก็เป็นเรื่องอจินไตย เป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน ไม่สามารถยกเอามาพิสูจน์ให้ใครรู้เห็นตามได้ และใครที่เถียงกันในเรื่องเหล่านี้ โดยไม่เคยลงมือปฏิบัติธรรมเลย ระวังจะมีส่วนแห่งความเป็นคนบ้านะ

7. ทำบุญมากๆ
ความเสี้ยม พวกโจมตีเสี้ยมว่า ธรรมกาย สอนให้ทำบุญทีละมากๆ
โดยใช้คำว่า
- ทำมาก ได้มาก
- บ้าบุญ
- หลงบุญ  เป็นต้น

ความจริง วัดพระธรรมกายสอนให้ทำบุญอย่างถูกวิธี โดยต้องมีความบริสุทธิ์สามประการ ทั้งเจตนาของผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับมีศีลบริสุทธิ์ และวัตถุทานต้องบริสุทธิ์ ก่อนทำขณะทำหลังจากทำไปแล้วก็ต้องปลื้ม ถ้าทำได้อย่างนี้ "แม้ทำน้อย ก็ได้บุญมาก ยิ่งทำมาก ยิ่งได้มากทับทวี" พวกเสี้ยมเลยตัดเอาเฉพาะคำหลัง เอาไปใช้เสี้ยม ทำให้คนที่ไม่เคยมาวัดเข้าใจผิดได้ และดูเหมือนจะใช้ได้ผลซะด้วย


8. เรื่องสวรรค์
ความเสี้ยม พวกโจมตีเสี้ยมว่า ธรรมกายเอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ทำบุญซื้อสวรรค์ชั้นโน้นชั้นนี้

ความจริง วัดพระธรรมกายสอนให้คนทำบุญบ่อยๆ ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ชีวิตจะได้ไม่ดำเนินไปด้วยความประมาท และเพื่อจะได้ชำระจิตใจให้ผ่องใส เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมองก็จะมีสุคติเป็นที่ไป ดังพุทธพจน์ที่ว่า จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา

9. ลัทธิใหม่
ความเสี้ยม พวกโจมตีมักจะยัดเยียดให้ธรรมกาย กลายเป็นลัทธิใหม่อยู่เรื่อยๆ คงจะเป็นเพราะวัดนี้ดูไม่เหมือนใคร ทั้งรูปแบบการก่อสร้าง ทั้งรูปแบบการเผยแผ่ และอะไรอีกหลายๆ อย่าง

ความจริง วัดพระธรรมกายเป็นวัดในพระพุทธศาสนา สังกัดมหานิกาย
ได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดโดยสมบูรณ์ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2522 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 96 ตอนที่ 15 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522

ส่วนรูปแบบการก่อสร้าง จะเน้นเรียบง่าย ดูแลรักษาไม่ยาก ออกแบบให้เหมาะแก่การใช้งานเพื่อการอบรมคนครั้งละมากๆ 

รูปแบบการเผยแผ่ เป็นการเผยแผ่เชิงรุก ทั้งปริยัติปฏิบัติปฏิเวธ โดยมีแก่นแท้ คือการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรมกาย ตรงกับพุทธวจนที่ว่า ธมฺมกาโย อหํ อิติปิ

10. เรื่องรับของโจร
ความเสี้ยม ล่าสุดพวกโจมตีพยายามยัดเยียดข้อหารับของโจรและฟอกเงินให้หลวงพ่อ


ความจริง หลวงพ่อรับเงินที่เขาเอามาบริจาคตามปกติ ไม่ได้มีอะไรต่างไปจากพระรูปอื่นๆ และเงินที่เขาเอามาถวาย เขาก็ไม่ได้บอกด้วยว่าไปยักยอกเงินของใครมา เมื่อเขาเอามาถวาย ทางวัดก็ได้นำไปใช้เป็นค่าก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับงานพระพุทธศาสนาทั้งหมด โดยมีหลักฐานการจ่ายครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์ อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นการรับของโจร หรือร่วมกันฟอกเงินไม่ได้ 

ทั้งหมดนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่พวกโจมตีใช้เสี้ยม เพื่อเจตนาทำให้คนเข้าใจวัดพระธรรมกายผิดไป แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในโลกนี้ ยังมีคนที่มีปัญญาหลงเหลืออยู่มาก 

ความจริงย่อมทนต่อการพิสูจน์ ขอให้ทุกคนได้เข้ามาพิสูจน์ดูด้วยตัวเองเถิด แล้วจะรู้ว่า ความจริง ต่างจากความเสี้ยมที่เราเคยได้ยินได้ฟังมาอย่างไร

ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงมีแต่ความสุขเถิด

ติดตามธรรมะดีได้ที่เพจตะวันธรรม
https://www.facebook.com/lookpradham/





 

3 ความคิดเห็น:

  1. น่าเสียดายที่ชาวพุทธไม่รู้ตัวว่าถูกเสี้ยม(โดยใครก็ไม่รู้)หลงทำบาปหนักด้วยวาจากันเป็นจริงเป็นจัง น่าสงสารนะ

    ตอบลบ
  2. น่าเสียดายที่คนหลงเข้าใจผิด ทำให้เสียเวลา และมีวิบากติดตัวไปอีก น่าสงสาร

    ตอบลบ